ลูกเป็นสมาธิสั้น เพราะพ่อแม่ หรือป่าว..?

 

โรคสมาธิสั้นคืออะไร
โรคสมาธิสั้น เกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกันโดยมีปัจจัยหลัก คือ 
  > ปัจจัยทางด้านพันธุกรรม พบว่า โรคนี้สามารถถ่ายทอดภายในครอบครัวได้ถึงร้อยละ 75
  > ปัจจัยทางด้านระบบประสาท พบว่า มีการทำงานของสมองส่วนหน้าที่ผิดปกติ โดยเฉพาะบริเวณที่ทำงานเกี่ยวกับ การคิด การวางแผน การจัดลำดับสิ่งต่างๆ และ การควบคุมตนเอง รวมถึงมี สารในสมองที่สำคัญบางตัวน้อยกว่าคนปกติทั่วไป
 
นอกจากนี้ยังพบว่า การที่แม่สูบบุหรี่ ดื่มสุราระหว่างตั้งครรภ์ เด็กที่มีประวัติการคลอดก่อนกำหนด มีน้ำหนักแรกคลอดน้อยกว่าปกติคลอด ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่ทำให้เด็กมีโอกาสเป็นสมาธิสั้นด้วย
 
อีกปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เด็กที่เป็น โรคสมาธิสั้น มีอาการมากขึ้น หรือ ทำให้เด็กปกติดูมีอาการคล้าย สมาธิสั้น หรือที่เรียกว่า “สมาธิสั้นเทียม” คือ
  ** ปัจจัยทางด้านการเลี้ยงดูและสิ่งแวดล้อม เช่น การเลี้ยงดูที่ขาดระเบียบวินัย ตามใจ ไม่มีกฎระเบียบภายในบ้าน ไม่มีการควบคุมที่สม่ำเสมอ หรือ ความเห็นในการเลี้ยงดูที่ไม่ตรงกันของพ่อแม่ผู้ปกครอง
 
 
  ** ที่สำคัญคือ การใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ต่างๆ เช่น ไอแพด แท็บเล็ต มือถือ รวมถึง โทรทัศน์ เป็นเวลานานๆ โดยขาดการควบคุมจากผู้ปกครอง ซึ่งสื่อหรืออุปกรณ์ทั้งหลายเหล่านี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตในปัจจุบัน พ่อแม่มักสังเกตเห็นว่า เวลาที่ลูกอยู่กับอุปกรณ์เหล่านี้ จะนิ่ง อยู่ได้นาน ไม่รบกวนพ่อแม่ พ่อแม่ควบคุมได้ง่ายขึ้น ทำให้พ่อแม่หลายคนเลี้ยงดูลูกโดยการให้อยู่กับหน้าจอตลอดเวลา ทั้งในบ้านและนอกบ้าน
 
เด็กที่มีการใช้สื่อเหล่านี้มากๆ จะกลายเป็นเด็กที่มี พัฒนาการล่าช้า โดยเฉพาะด้านการพูดและการสื่อสาร ขาดทักษะสังคม ใจร้อน รอคอยอะไรไม่ได้ หงุดหงิดง่าย รวมถึง อาจมีปัญหาพฤติกรรมรุนแรง ที่เกิดจากการเลียนแบบสิ่งที่ดูจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์


โรคสมาธิสั้นคืออะไร


โรคสมาธิสั้น ประกอบด้วยกลุ่มอาการหลัก 3 ด้าน ได้แก่

1. พฤติกรรมขาดสมาธิ  วอกแวกง่าย เหม่อลอย จดจ่ออะไรนานๆ ไม่ได้ ขี้ลืม เบื่อง่าย ไม่ค่อยรอบคอบ ทำงานไม่เสร็จตามเวลา ไม่ชอบทำงานที่ต้องอาศัยสมาธิ หรือความพยายาม

2. พฤติกรรมซุกซนไม่อยู่นิ่ง  เคลื่อนไหวตลอดเวลา ยุกยิก ต้องหาอะไรทำ เหมือนเด็กที่ติดเครื่องตลอดเวลา พูดมาก พูดเก่ง ชอบเล่นหรือทำเสียงดังๆ เล่นกับเพื่อนแรงๆ เด็กกลุ่มนี้จะรู้จักกันในชื่อว่า “เด็กไฮเปอร์”

3. พฤติกรรมขาดความยับยั้งชั่งใจตนเอง  ใจร้อน วู่วาม หุนหันพลันแล่น ขาดความระมัดระวังในการทำสิ่งต่างๆ พูดโพล่ง พูดแทรก รอคอยอะไรไม่ค่อยได้

เด็กบางคนอาจมีอาการเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือ มีทั้ง 3 กลุ่มอาการร่วมกันก็ได้

 

โรคสมาธิสั้นคืออะไร

เมื่อสงสัยว่าลูกมีอาการเข้าได้กับสมาธิสั้น ควรพาเข้ารับการปรึกษาจากจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม

สำหรับการช่วยเหลือเด็กสมาธิสั้นนั้น จะประกอบด้วย การปรับพฤติกรรม ร่วมกับ การใช้ยาในบางราย โดยในเด็กที่มีอาการไม่มาก อาการไม่ได้รบกวนการเรียน  หรือ การใช้ชีวิตประจำวันมาก หรือ เด็กที่เป็นสมาธิสั้นเทียม ก็จะใช้การปรับพฤติกรรมในเบื้องต้น

ส่วนเด็กสมาธิสั้น ที่มีอาการค่อนข้างมาก ทำให้รบกวนการเรียน การใช้ชีวิตประจำวัน การเข้าสังคม ก็จำเป็นต้องมีการใช้ยาควบคู่ไปด้วย

1. การปรับพฤติกรรม  พ่อแม่ต้องมีความตั้งใจที่จะร่วมมือกันปรับพฤติกรรมเด็ก ไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น โดยหลักการปรับพฤติกรรมในเบื้องต้น เพื่อช่วยให้เด็กสมาธิสั้นมีอาการดีขึ้น หรือ ช่วยให้เด็กสมาธิสั้นเทียม หายจากการมีอาการคล้ายสมาธิสั้น มีดังนี้

• ใช้การสื่อสารที่สั้น กระชับ ตรงไปตรงมา  เวลาที่ต้องการพูดหรือออกคำสั่ง ควรให้เด็กหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ มองหน้าสบตาพ่อแม่ และ ให้ทวนสิ่งที่พ่อแม่พูดหรือสั่ง เพื่อเช็คว่าเด็กรับฟังได้ครบและเข้าใจถูกต้อง

• ทำตารางเวลาที่ชัดเจน  ให้กับเด็กว่า เวลาไหนต้องทำอะไรบ้าง และติดไว้ในที่ที่เด็กเห็นได้ชัด เพื่อให้เด็กดูได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องให้พ่อแม่คอยเตือนซ้ำในทุกๆวัน เป็นการฝึกให้เห็นความสำคัญของเวลา และ รู้จักวางแผนแบ่งเวลา โดยผู้ปกครองจะต้องคอยกำกับดูแลในช่วงแรกจนเด็กคุ้นเคยและปฏิบัติจนเป็นนิสัย

• ปรับบรรยากาศการทำการบ้านของเด็กให้สงบ  ไม่มีเสียงโทรทัศน์ ไม่มีอุปกรณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียน พ่อแม่ควรนั่งประกบเด็กเวลาทำการบ้าน เพื่อคอยกระตุ้นไม่ให้เด็กเหม่อ หรือ วอกแวก

• ในเด็กที่พลังงานเยอะ ควรหากิจกรรมให้เด็กได้ทำในแต่ละวัน  เช่น เล่นกีฬา เพื่อให้มีการใช้พลังงานในทางที่สร้างสรรค์และเหมาะสม

• จำกัดการดู ไอแพด แท็บเล็ต หรือโทรทัศน์  วันละไม่เกิน 1 ชั่วโมง มีเวลาให้เล่นที่ชัดเจน ไม่ควรให้เมื่อไหร่ก็ได้ที่อยากจะเล่น และพ่อแม่ควรอยู่กับเด็กในขณะที่เด็กเล่น เพื่อดูความเหมาะสมของสิ่งที่เด็กเล่นหรือดู

• ชื่นชมในสิ่งที่เด็กทำได้ดี  อาจมีการใช้ตารางสะสมดาว เพื่อกระตุ้นให้เด็กมีพฤติกรรมที่ดี หากต้องมีการลงโทษ ควรใช้การจำกัดสิทธิ เช่น ลดค่าขนม ลดเวลาในการเล่นเกม

• พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็ก ในเรื่องของความมีระเบียบวินัย  การรู้จักอดทนรอคอย รวมถึง การใช้ไอแพด แท็บเล็ต หรือโทรทัศน์ ด้วย

2. การรักษาด้วยยา  ยาที่สามารถใช้ในการรักษาสมาธิสั้นมีหลายกลุ่ม ได้แก่

• ยาในกลุ่มออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท  ได้แก่ Methylphenidate เป็นยาหลักที่ใช้ในการรักษาโรคสมาธิสั้น และให้ผลในการรักษาดีที่สุดในคนส่วนใหญ่ ยากลุ่มนี้มี 2 รูปแบบ คือ แบบออกฤทธิ์สั้น ครั้งละประมาณ 4 ชั่วโมง โดยในแต่ละวันจะต้องมีการกินยาประมาณ 2-3 ครั้ง และแบบออกฤทธิ์ยาว ครั้งละประมาณ 10-12 ชั่วโมง ซึ่งจะกินเพียงครั้งเดียวในตอนเช้า ยาจะสามารถคุมอาการได้ตลอดวัน

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยของยากลุ่มนี้คือ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ

• ยาในกลุ่มไม่ออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท  ได้แก่ Atomoxetine ใช้รักษาโรคสมาธิสั้น ในกรณีที่เด็กไม่สามารถทนต่อผลข้างเคียงของยา Methylphenidate ได้

• ยากลุ่ม Alpha 2 agonist  ได้แก่ Clonidine ใช้ในเด็กสมาธิสั้นที่มีโอกาสเกิดโรคกล้ามเนื้อกระตุกร่วมด้วย หรือ ในเด็กที่มีอาการซน หุนหันพลันแล่น หงุดหงิดง่าย หรือมีอารมณ์โกรธรุนแรง รวมถึงเด็กที่มีปัญหาการนอน

• ยาต้านเศร้า เช่น Bupropion  ใช้ในเด็กที่สมาธิสั้น ที่อาจมีปัญหาอื่นร่วมด้วย เช่น ซึมเศร้า กระวนกระวาย อารมณ์แปรปรวน

ยาทุกชนิดควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้พิจารณาในการสั่งใช้ และติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เด็กแต่ละรายอาจมีอาการและการตอบสนองต่อยาที่แตกต่างกัน หากผู้ปกครองมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

 

โรคสมาธิสั้นคืออะไร

การช่วยเหลือโดยพ่อแม่

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยให้เด็กสมาธิสั้นมีอาการดีขึ้นได้คือ พ่อแม่

**พ่อแม่ต้องเข้าใจที่มาที่ไปของอาการเด็กก่อนว่า เกิดจากการทำงานของสมองบางส่วนที่เสียสมดุลไป ทำให้เด็กไม่สามารถควบคุมตนเองได้เท่าที่ควร ไม่ได้เกิดจากการที่เด็กแกล้งหรือขี้เกียจทำ รวมถึง พ่อแม่ต้องมีความตั้งใจที่จะร่วมมือกันในการช่วยเหลือเด็ก ไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น

**พ่อแม่จะต้องมีความอดทน ให้เวลา ให้ความรัก ความอบอุ่น โดยจะต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในครอบครัว มีทัศนคติและให้แรงเสริมในเชิงบวกอยู่เสมอ มองเห็นคุณค่าในสิ่งเล็กๆ ที่เด็กทำ ก็จะช่วยทำให้เด็กสามารถปรับพฤติกรรมได้อย่างเหมาะสม

การเรียนรู้และเข้าใจเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น จะทำให้เกิดความรักที่มีคุณภาพ เพราะความรักที่เกิดขึ้นจากการยอมรับและเข้าใจในข้อจำกัดซึ่งกันและกัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้ ความสัมพันธ์และบรรยากาศในครอบครัวดีขึ้น ส่งผลให้การช่วยเหลือแก้ไขปัญหา และ พัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็กทำได้ดีขึ้น และ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไปในอนาคต

โรคสมาธิสั้นคืออะไร


การช่วยเหลือโดยคุณครู

คุณครูมีส่วนสำคัญในการดูแล สามารถช่วยเหลือเด็กสมาธิสั้นไม่น้อยไปกว่าพ่อแม่ การที่คุณครูมีประสบการณ์ในการเจอเด็กที่หลากหลาย จะสังเกตเห็นได้ชัดว่า เด็กคนไหนที่มีความแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ เช่น เด็กคนนี้อาจดูซนกว่าเพื่อน ทำงานไม่ค่อยเรียบร้อย ลืมส่งงาน ค้างงานเป็นประจำ ถ้าคุณครูสงสัยว่า เด็กคนไหนเข้าข่ายสมาธิสั้น อาจหาโอกาสพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่ในสิ่งที่ครูเป็นห่วง และแนะนำให้พาปรึกษาแพทย์ ก็จะช่วยให้เด็กได้เข้าสู่กระบวนการรักษาที่เร็วขึ้น นอกจากนี้คุณครูเองก็จะเหนื่อยน้อยลง และสามารถดูแลจัดการเด็กได้ดีขึ้นด้วย

จะเห็นได้ว่าหากทุกคนรอบตัวเด็กสมาธิสั้น ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครู หรือเพื่อน มีความเข้าใจ ยอมรับ และให้การช่วยเหลือดูแลที่เหมาะสม ก็จะทำให้เด็กสมาธิสั้นมีความสุขและไม่เกิดความรู้สึกว่า ตนเองมีความแตกต่างจากเด็กคนอื่น เพราะในความเป็นจริงแล้ว เด็กสมาธิสั้นก็คือเด็กปกติคนหนึ่ง ที่มีการควบคุมตนเองน้อยกว่าคนอื่นเท่านั้น เด็กสามารถเรียน ทำกิจกรรม และใช้ชีวิตได้เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :
โรงพยาบาลมนารมย์

======================================

ด้วยความปรารถนาดีจาก ศูนย์สมองดี HealthyBrain
สนับสนุนโดย อเลอไทด์ อาหารเสริมบำรุงสมอง
 เสริมสร้างสมาธิ เพิ่มความจำ การเรียนรู้ ให้ดีขึ้น
 ช่วยลดความเครียด ทำให้อารมณ์ดี
 กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
 ช่วยให้ลำดับความคิด เป็นระบบระเบียบมากขึ้น 
ดูแลอาการสมาธิสั้นให้ดีขึ้น ทำให้ผลการเรียนดีขึ้น
 
**เสริมอาหารสมองให้ลูกน้อย ทำให้มี IQ และ EQ ที่ดี
ป้องกัน/ลดความเสี่ยงต่อ สมาธิสั้น ได้ด้วย "อเลอไทด์"

ปรึกษาปัญหาเด็กสมาธิสั้น/แอลดี
หรือ สั่งซื้อ อเลอไทด์
โทร : 091-8871691 
Add Line : @HealthyBrain (มี@ด้วย)

เพิ่มเพื่อน

Visitors: 393,750