การเรียนรู้ของเด็ก LD (Learning Disability) ผ่านกระบวนการทำงานของสมอง พบว่า ความบกพร่องทางกระบวนการเรียนรู้ ส่วนหนึ่งมาจากความบกพร่องในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งของสมอง จึงส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ ดังนั้นวิธีการจัดการเรียนรู้หรือการหาช่องทางการสอนที่สอดคล้องกับปัญหาของเด็ก จะเป็นวิธีการที่จะช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ โดยมีหลักการที่เหมาะสม ดังนี้หลักการทั่วไป1.สอนจากสิ่งที่ง่ายที่สุดก่อน การเริ่มต้นที่ดีควรเริ่มสอนในสิ่งที่ต่ำกว่าความสามารถของเด็กเล็กน้อย เพื่อให้เด็กมีกำลังใจ มั่นใจ และพร้อมจะเรียนในระดับยากต่อไปได้2.ให้เด็กมีความสุขในการเรียน เด็กที่มีความสุขในการเรียน จะมองคนในแง่ดี และสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนและครูได้3.ให้การเสริมกำลังใจอย่างสม่ำเสมอ คำชมจากครูเป็นสิ่งสำคัญ เด็กจะรู้สึกมีกำลังใจและพยายามมากขึ้น4.ให้เด็กเรียนจากเพื่อน (เพื่อนช่วยเพื่อน) เพราะเด็ก LD เรียนรู้คนเดียวได้ไม่ดี แต่จะเรียนรู้ได้เมื่อเรียนกับเพื่อน5.จัดห้องเรียนให้เอื้อต่อการเรียน เด็ก LD ส่วนใหญ่จะมีอาการสมาธิสั้นร่วมด้วย ห้องเรียนจึงควรมีความเป็นระเบียบ สวยงามมีเสียงรบกวนจากภายนอกน้อยที่สุด6.มองหาจุดเด่นของเด็ก ส่งเสริมให้เด็กแสดงความสามารถพิเศษ หรือเป็นคนเก่งในจุดที่เด็กมีศักยภาพ7.สอนโดยการเน้นย้ำซ้ำทวน เด็ก LD จะเรียนรู้ช้า เรียนได้หน้าลืมหลัง ครูควรใช้วิธีการกระตุ้นความจำ เช่น ให้เด็กทำกิจกรรมนั้นซ้ำบ่อย ๆ ด้วยวิธีการรับรู้ที่หลากหลาย จากการดู การฟัง การสัมผัส8.ใช้คำสั่งที่สั้นและเข้าใจง่าย ในหนึ่งคำสั่งไม่ควรให้ทำหลาย ๆ กิจกรรม และให้เด็กทบทวนคำสั่งก่อนลงมือปฏิบัติ9.พยายามให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากเด็กมักขาดวินัย ขาดความรับผิดชอบ ขาดการจัดลำดับ และมักไม่รอบคอบ ครูผู้สอนควรให้ความช่วยเหลือ10.ให้เวลามากขึ้น เนื่องจากเด็กจะทำงานช้า เรียนช้า การให้ทำการบ้านและการทำแบบฝึกหัด จึงควรมีเวลาให้เด็กมากกว่าเด็กทั่วไป11.มอบงานให้เหมาะสม การมอบให้เด็กทำงานแต่ละครั้ง ไม่ควรให้ครั้งละมากๆ แต่อาจมอบบ่อยขึ้น (เพื่อให้เท่ากับเด็กคนอื่น )12.สรุปเรื่องก่อนสอน เด็กจะเรียนรู้ได้ดีขึ้น หากมีการสรุปเรื่องที่จะเรียนให้เด็กฟังก่อนที่จะเรียนเรื่องนั้น13.ใช้อุปกรณ์ช่วย อนุญาตให้เด็กใช้เครื่องคิดเลข คอมพิวเตอร์ เทปบันทึกเสียง เพื่อช่วยให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้14.ให้เรียนรู้จากการปฏิบัติ เด็ก LD เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติ และ ร่วมกิจกรรมได้มากกว่า การฟังการสอนจากครู15.ปรับเอกสารการเรียนการสอน เนื่องจากเด็ก LD มีปัญหาการรับรู้ทางสายตา เอกสารการเรียนการสอนต่างๆ จึงควรมีการปรับให้เหมาะสม เช่น พิมพ์ขนาดตัวอักษรขนาดใหญ่ขึ้น เน้นคำข้อความสำคัญในหนังสือ ให้ทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ลงในกระดาษกราฟ หรือ ให้เขียนในกระดาษที่มีเส้นบรรทัด เป็นต้น
หลักการเฉพาะ
เป็นเทคนิควิธีเฉพาะ เพื่อแก้ปัญหาความบกพร่องทางการเรียนในแต่ละด้าน และปัญหาด้านพฤติกรรม เทคนิคการปัญหาด้านการอ่าน และการเขียน1.อ่านข้ามคำ ข้ามประโยค วิธีแก้ไข ใช้กระดาษสีสดใสทำเป็นกรอบทาบบนคำ/ข้อความที่จะอ่าน2. เห็นหรือเขียนตัวหนังสือกลับกันวิธีแก้ไข ให้เด็กมองผ่านกระจกเงาในการอ่านและการเขียน3. เขียนหนังสือตัวโต/เล็กไม่สม่ำเสมอวิธีแก้ไข ให้เขียนตามรอยประ หรือ เขียนโดยใช้กรอบบรรทัดช่วย4. สับสนในตัวอักษร วิธีแก้ไข ให้ใช้รูปภาพในการสื่อสารร่วมกันตัวหนังสือ เช่น ก ภ ถ ให้มีรูปภาพไก่ เรือสำเภา ถุง และ ให้ฝึกอ่านออกเสียงไปด้วย5. เขียนหนังสือติดกันไม่เว้นช่องไฟวิธีแก้ไข ให้ ฝึกเขียนกะระยะ โดยใช้ปากกา หรือ สีจุด เป็นรอย เพื่อให้เด็กรู้การเว้นช่องไฟ หรือ การเว้นบรรทัด6.อ่านและเขียนคำไม่ได้ วิธีแก้ไข ให้ฝึกอ่านและเขียนคำจากภาพ หรือให้ฝึก ทักษะ 4ด้าน คือ ฟัง,พูด,อ่าน ,เขียน เช่น ครูอ่านเสียงคำให้เด็กฟัง แล้วนำคำให้เด็กเห็น จากนั้นให้เด็กอ่านคำและพูดออกมา หลังจากนั้นให้เด็กเขียนโดยไม่เห็นคำ7. อ่านจับใจความไม่ได้ วิธีแก้ไข ให้อ่านหรือฟังนิทาน แล้วถามคำถาม เช่น ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ทำไม เป็นการค่อย ๆ ให้จำรายละเอียดของเรื่องและฝึกให้เด็กคิด8. จำและเขียนตัวอักษรไม่ได้ วิธีแก้ไข ใช้วิธีเน้นการใช้ประสาทสัมผัสหลายๆทาง เช่น ใช้นิ้วลากเส้นตามตัวอักษร พร้อมออกเสียงไปด้วย ทำซ้ำๆจนกว่าจะจำได้ หรือ เขียนบนพื้นทราย เขียนบนแผ่นหลัง รวมถึงใช้เทคนิค ดู–ปิด– เขียน–ตรวจสอบ9.ไม่เข้าใจเรื่องที่อ่าน วิธีแก้ไข ใช้ภาพ แผนที่ แผนภูมิ คำ หรือ ประโยคที่เหมาะสมกับวัยของเด็กประกอบการสอน
ปัญหาด้านพฤติกรรม
1.ขาดสมาธิในการฟัง
วิธีแก้ไข กำหนดให้เด็กฟังครูในเวลาจำกัด แล้วสรุปประเด็นให้เด็กฟัง พูดให้ชัดเจน ใช้คำพูดสั้นๆ แล้วให้เด็กพูดตาม ให้เด็กพูดใหม่ โดยใช้คำพูดของเด็กเอง แต่ใจความสำคัญยังคงเดิม ทบทวนและให้เด็กมีส่วนร่วมในแต่ละเรื่องบ่อยๆ
2. ปฏิบัติตามครูไม่ได้
วิธีแก้ไข นำวิธีวิเคราะห์งานมาใช้ โดยจำแนกงานเป็นขั้นย่อยๆ หลายๆ ขั้น แล้วให้เด็กปฏิบัติแต่ละขั้น ครูเขียนคำอธิบายสั้นง่ายและชัดเจนให้เด็ก สังเกตผลงานของตนเองในแต่ละขั้นแล้วส่งครู
3.อยู่ไม่นิ่ง สมาธิสั้น
วิธีแก้ไข ให้เด็กได้เคลื่อนไหวเมื่อเริ่มมีอาการ เช่น ให้ไปล้างมือ ไปลบกระดาน ไปเก็บงานในห้องเรียน หรือให้ทำกิจกรรมที่เด็กชอบ เช่น วาดรูป 2-3 นาที แล้วกลับมานั่งเรียนใหม่
ด้านทักษะพื้นฐานในการรับรู้
1. ด้านสายตา
วิธีแก้ไข ฝึกทักษะโดยใช้กิจกรรมต่างๆ ผ่านประสาท สัมผัส เช่น จำแนกภาพจากฉากหลัง ประสมคำ จากปริศนาอักษรไขว้ วาดภาพ,ระบายสีภาพ ต่อภาพตัดต่อ ต่อไม้บล็อก
2. ด้านการฟัง
วิธีแก้ไข ฝึกทักษะโดยใช้กิจกรรมต่างๆ ผ่านประสาท สัมผัส เช่น อ่านหนังสือ โดยอ่านออกเสียงแล้ว ฟังเสียงตนเองให้ฟังคำประโยค หรือชื่อ คนสัตว์ สิ่งของ และให้พูดตามเพื่อน หลับตาฟังเสียงพูด และ ให้ทายว่าเป็นใคร ฟังเพลงและจำเนื้อเพลงให้ได้
3. ด้านการจัดลำดับข้อมูล
วิธีแก้ไข ฝึกทักษะโดยใช้กิจกรรมต่างๆ ผ่านประสาทสัมผัส เช่น บอกชื่อสิ่งของภายในห้อง โดยเรียงลำดับตัวอักษร บอกชื่อวันในหนึ่งสัปดาห์ เริ่มต้นจากวันใดก็ได้ที่ไม่ใช่วันอาทิตย์หรือวันจันทร์ แล้วบอกชื่อเรียงกลับตามลำดับบอกวิธีการทำงาน เช่น วิธีหุงข้าว,วิธีทำความสะอาดบ้าน,บอกทางไปโรงเรียน,ไปบ้านเพื่อนไปสวนสัตว์
สรุป
วิธีการจัดการเรียนรู้ มีความสำคัญที่ครูผู้สอนเด็กLD ต้องศึกษาให้เข้าใจโดยต้องศึกษาเรื่องที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. เข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ของเด็กLD โดยผ่านกระบวนการทำงานของสมอง ซึ่งจะช่วยครูให้เข้าใจธรรมชาติความบกพร่องของการเรียนรู้ของเด็กได้ชัดเจนขึ้น
2. เข้าใจเกี่ยวกับวิธีการจัดการเรียนรู้ โดยรู้หลักการสอนทั่วไป และหลักการสอนเฉพาะ ซึ่งหลักการสอนทั่วไปช่วยให้ครูผู้สอนมีแนวทางการสอนที่จะปรับให้เหมาะกับสภาพของเด็กLD ส่วนหลักการเฉพาะ เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ตามลักษณะความบกพร่องในแต่ละด้าน โดยจะเกี่ยวกับเทคนิควิธีการเฉพาะ
=====================================
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ และรูปภาพจาก
sornosampas
ด้วยความปรารถนาดีจาก ศูนย์สมองดี HealthyBrain
สนับสนุนโดย อเลอไทด์ สารอาหารบำรุงสมอง
เพิ่มสมาธิ เสริมสร้างความจำ และ ความสามารถในการเรียนรู้
ช่วยลดความเครียด ปรับอารมณ์ และ ทำให้ผลการเรียนให้ดีขึ้น