3 โรคพฤติกรรมผิดปกติในเด็ก วิธีสังเกตุลูกเป็นโรคพฤติกรรมผิดปกติหรือไม่
3 โรคพฤติกรรมผิดปกติในเด็ก
ตัวอย่าง พฤติกรรมผิดปกติของเด็กที่พบบ่อย พร้อมวิธีสังเกตลูกเป็นโรคพฤติกรรมผิดปกติหรือไม่ แม่จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็น มาดูตัวอย่าง! กันค่ะ
พฤติกรรมผิดปกติของเด็กที่พบบ่อย
คุณพ่อคุณแม่อาจเคยสงสัยว่า พฤติกรรมและพัฒนาการบางอย่างของลูกที่แสดงออกมานั้น ผิดปกติหรือไม่ เช่น พูดช้า ซน หรือ ดื้อ ก้าวร้าว ไม่อยู่นิ่ง เป็นความผิดปกติหรือไม่
วันนี้จะมาเล่าเกี่ยวกับ โรคพฤติกรรมผิดปกติในเด็ก ที่พบบ่อย 3 โรค รวมทั้งตัวอย่างผู้ป่วย ดังนี้ค่ะ
1.โรคสมาธิสั้น พฤติกรรมผิดปกติในเด็ก
เป็นโรคความผิดปกติทางพฤติกรรมที่พบได้บ่อยในเด็กวัยเรียน โดยมีอาการหลัก 3 อย่าง คือ
1. ซนมาก จนอาจเกิดอุบัติเหตุได้บ่อย
2. หุนหันพลันแล่น รอคอยไม่ได้
3. ไม่มีสมาธิจดจ่อ ทำงานไม่เสร็จ
สาเหตุ : เกิดจากความผิดปกติของสารสื่อประสาทที่ทำให้สมองส่วนควบคุมเรื่องการยับยั้งชั่งใจ และ สมาธิ ทำงานผิดปกติ โดยมีสาเหตุจากทางพันธุกรรม และ สิ่งแวดล้อม
ตัวอย่างผู้ป่วย : น้องเอ (นามสมมติ) อายุ 6 ปี มีอุบัติเหตุจากความซนมากจนต้องไปเย็บแผล และ กระดูกหักหลายครั้งตั้งแต่อายุ 3 ปี คุณครูบอกว่า ไปโรงเรียนไม่ชอบนั่งเรียนอยู่กับที่ ชอบชวนเพื่อนคุยเสียงดังทั้งวัน ทำงานในชั้นเรียนมักไม่เสร็จ พูดมากผิดปกติชอบพูดแทรกผู้อื่นตลอดเวลา
2.โรคออทิสติก พฤติกรรมผิดปกติในเด็ก
เป็นโรคที่มีลักษณะเฉพาะ 3 อย่างคือ
1. ความบกพร่องของทักษะด้านภาษา จึงพูดช้า โดยมักเริ่มสังเกตได้ที่อายุ 2 ปี
2. ความบกพร่องของทักษะทางสังคม ไม่สบตา ไม่มองหน้าผู้อื่น ชอบเล่นคนเดียว
3. ความผิดปกติของพฤติกรรม มีความสนใจจํากัด เป็นแบบแผนซ้ำ ๆ
สาเหตุ : เกิดจากหลายปัจจัยโดยเฉพาะความผิดปกติของสมอง และ สารเคมีในสมอง รวมถึงปัจจัยด้านพันธุกรรม
ตัวอย่างผู้ป่วย : น้องบี (นามสมมติ) อายุ 3 ปี ยังไม่สามารถพูดเป็นคำที่มีความหมายได้ ไม่สามารถทำตามคำสั่งง่ายๆ เช่น สวัสดีได้ คุณพ่อคุณแม่เรียกก็ไม่ค่อยหัน ชอบแยกตัว ไม่เล่นกับเด็กคนอื่น ชอบเล่นรถแต่จะเล่นเฉพาะล้อรถโดยเอามาหมุนซ้ำๆ
ปัจจุบันพบลักษณะผู้ป่วยที่เป็น "ออทิสติกเทียม" คือมีลักษณะอาการคล้ายกับออทิสติก ได้แก่
- พูดช้า
- มีความบกพร่องทางด้านภาษา
- ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมไม่ดี
- มีพฤติกรรมผิดปกติ
เด็กที่เป็นออทิสติกเทียม เกิดจากการขาดการกระตุ้นที่เป็นการสื่อสารสองทางจากผู้เลี้ยงดู ขาดปฏิสัมพัธ์การพูดคุย หรือ การทำกิจกรรมร่วมกับเด็ก สาเหตุที่พบบ่อยในปัจจุบันคือ การให้เด็กอยู่กับแท็บเล็ต สมาร์ทโฟน หรือ โทรทัศน์ตามลำพัง ทำให้เด็กมีการสื่อสารเพียงทางเดียว ขาดปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ จึงขาดการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาและสังคม
ออทิสติกเทียม สามารถป้องกันและรักษาได้ โดยผู้เลี้ยงดูให้เวลาพูดคุยและเล่นกับเด็ก ไม่ให้เด็กเล่นอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด โดยเฉพาะเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี เมื่อเด็กได้รับการกระตุ้นพัฒนาการและมีปฏิสัมพันธ์อย่างเหมาะสม ก็จะทำให้พฤติกรรมที่คล้ายออทิสติกหายไปได้ จึงแตกต่างจากเด็กที่เป็นโรคออทิสติกที่แท้จริง
3.โรคพฤติกรรมดื้อต่อต้าน พฤติกรรมผิดปกติในเด็ก
เป็นลักษณะพฤติกรรมของเด็กที่แสดงออกมาโดยมีความก้าวร้าว
วิธีสังเกตโรคพฤติกรรมผิดปกติในเด็ก พฤติกรรมดื้อต่อต้าน
1. ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของผู้ใหญ่
2. มีอารมณ์โกรธง่าย
3. มีความดื้อมากกว่าเด็กปกติทั่วไป
สาเหตุ : มักเกิดจากหลายปัจจัยทางด้านความผิดปกติของสารเคมีในระบบสมอง อีกครั้งสภาพแวดล้อมการเลี้ยงดูภายในครอบครัว เช่น มีการใช้ความรุนแรงกับเด็ก หรือ แสดงให้เด็กเห็นความรุนแรงในครอบครัว หรือ ครอบครัวมีปัญหา หรือ ผู้ใหญ่แสดงอารมณ์โกรธให้เด็กเห็นเป็นประจำ
ตัวอย่างผู้ป่วย : น้องซี (นามสมมติ) อายุ 5 ปี มีอารมณ์ หงุดหงิด ฉุนเฉียว ตลอดเวลา ไม่ยอมทำตามกติกาต่าง ๆ ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน ชอบเถียงคุณพ่อคุณแม่และคุณครู โดยตะโกนใส่ผู้ใหญ่เสียงดัง เป็นประจำ
หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตว่า ลูกมีพฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งอาจเป็นอาการของโรคพฤติกรรมผิดปกติในเด็ก ก็ไม่ควรที่จะรีบตัดสินด้วยตนเองว่า ลูกจะมีความผิดปกติ แต่ควรพาลูกไปปรึกษาคุณหมอ เพื่อประเมินอาการ ความรุนแรง และ หาสาเหตุที่ถูกต้อง ก่อนจะวินิจฉัยว่ามีพฤติกรรมที่ผิดปกติหรือไม่ โดยบางครั้งอาจต้องดูจาก ลักษณะพฤติกรรมของเด็ก ทั้งที่บ้าน ที่โรงเรียน และ ที่ห้องตรวจของคุณหมอ เพื่อที่จะได้รีบหาสาเหตุ เเก้ไข และ รักษา โดยการปรับพฤติกรรม ได้อย่างทันท่วงที
-------------------------------------
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ และรูปภาพจากเว็บไซต์
ด้วยความหวังดีจาก ศูนย์สมองดี Healthy Brain
สนับสนุนโดย อเลอไทด์