เทคโนโลยี เพชรฆาตตัวฉกาจที่ส่งเสริมให้ลูกสมาธิสั้นมากขึ้น
ปัจจุบันเด็กหลายคนเริ่มใช้เทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ เล่นมือถือ ดูการ์ตูน เป็นระยะเวลานานๆ ติดต่อกันตั้งแต่อายุน้อยๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมให้ลูก "สมาธิสั้นมากขึ้น" เพราะจะไปกระตุ้นให้มีการหลั่งสารโดปามีนออกมา
แพทย์แนะวิธีให้ลูกใช้อินเตอร์เน็ต ป้องกัน "ติดเกม-เซลล์สมองแย่-สมาธิสั้น"
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นกับชีวิตมนุษย์ แต่ถ้าใช้เทคโนโลยีอย่างไม่รู้เท่าทัน อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี โดยเฉพาะกับ "เด็กเยาวชน" ที่ ณ วันนี้ หลายครอบครัวกำลังเผชิญสถานการณ์ ลูกติดเกม ลูกติดอินเตอร์เน็ต
รศ.นพ.ศิริไชย หงษ์สงวนศรี สาขาวิชาจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่นคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เรื่องการใช้เทคโนโลยีของเด็กและวัยรุ่นปี 2555-2556 สรุปแนวโน้มเด็กและเยาวชนว่า ใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้นทุกปี อาทิ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต อินเตอร์เน็ต โดยผลสำรวจพบว่า เด็กและวัยรุ่นใช้เทคโนโลยีเพื่อความบันเทิงมากสุด เช่น ดูหนังฟังเพลง โหลดเกม โหลดเพลง เล่นเกม เล่นโซเชียลมีเดีย
"สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด การเสพติดเทคโนโลยี ส่งผลกระทบไปถึงสมอง ทำให้ประสิทธิภาพลดลง มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบทางสมองของผู้ที่ติดเทคโนโลยีว่า การติดจะทำให้การเชื่อมโยงของเซลล์ประสาทลดลง อย่างสมองส่วนหน้าลดลง 24% สมองส่วนข้างลดลง 27%"
นอกจากนี้ยังมีงานศึกษาวิจัยล่าสุดที่กำลังตีพิมพ์ของต่างประเทศ ที่เขาศึกษาคนติดเกมออนไลน์ 73 คน เปรียบเทียบกับคนปกติ 38 คน ที่ไม่ติดเกมและไม่เป็นโรคทางจิตเวช ด้วยเครื่องมือโปรตอน เอ็มอาร์เอส (Proton MRS) ก็ได้ข้อสรุปว่า สมองส่วนหน้าและส่วนข้างของผู้ติดเกมลดลงไปค่อนข้างเยอะ ทำให้เป็นคนมีอาการคล้าย โรคสมาธิสั้น มีอาการคล้ายโรคซึมเศร้า ซึ่งหากติดมากอาการก็แสดงให้เห็นมาก
รศ.นพ.ศิริไชย ย้ำ แล้วเตือน พ่อแม่ผู้ปกครองให้ตระหนักว่า ยิ่งปล่อยให้ลูกเล่นเกมมากเท่าไหร่ เซลล์ประสาทในสมอง ก็จะยิ่งทำงานได้แย่ลงเท่านั้น และ มีผลกระทบต่อสมองเหมือนการเสพยาเสพติด
รศ.นพ.ศิริไชยบอกว่า ทางที่ดี คือ กันไว้ดีกว่าแก้ ด้วยวิธีง่ายๆ จากชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย ต่อการใช้อินเตอร์เน็ตของเด็กและวัยรุ่นสำหรับพ่อแม่ ดังนี้
พ่อแม่ต้องติดตามการใช้งานอินเตอร์เน็ตของลูกอย่างเหมาะสม ควบคุมการใช้สื่อทุกชนิดอย่างจริงจัง หลีกเลี่ยงการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ในเด็กอายุน้อยกว่า 3 ขวบ พ่อแม่ควรให้ลูกใช้อินเตอร์เน็ต เมื่ออายุมากกว่า 6 ขวบ หรือ ดีที่สุด คือ 9-10 ขวบ พ่อแม่ควรอนุญาตให้ลูกใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ เมื่ออายุมากกว่า 13 ปี
พ่อแม่ควรอนุญาตให้ลูกใช้สื่อทุกชนิดไม่เกิน 1-2 ชั่วโมงต่อวัน, ไม่ใช้สื่อทุกชนิด 1 ชั่วโมงก่อนนอน เพราะจะรบกวนการนอน, อุปกรณ์สื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ต้องอยู่ในส่วนกลาง ไม่ติดตั้งไว้ในห้องนอน หรือ ห้องส่วนตัว, ไม่อนุญาตให้ลูกใช้อุปกรณ์สื่ออิเล็กทรอนิกส์หลายอย่างพร้อมกัน หรือ ระหว่างทำกิจกรรมอย่างอื่น โดยเฉพาะการเดินบนทางสาธารณะ , สนับสนุนการทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย หรือ กิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ มากกว่าการใช้อินเตอร์เน็ต และ พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีของการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์
" เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม จัดอันดับคุณภาพการศึกษาไทยท้ายๆ กลุ่มประเทศอาเซียน อาจต้องมาคิดว่า เพราะส่วนหนึ่งเราปล่อยให้เด็กใช้อินเตอร์เน็ตเล่นเกม จนเซลล์สมองแย่ลงหรือไม่ " รศ.นพ.ศิริไชยกล่าว
========================================
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ และรูปภาพจากเว็บไซต์
clinicdek.com
ด้วยความปรารถนาดีจาก ศูนย์สมองดี Healthy Brain
สนับสนุนโดย อเลอไทด์ สารอาหารบำรุงสมอง
√ ช่วยเสริมสร้างการทำงานของเส้นใยสมองให้แข็งแรง
√ ปรับสมดุลของสารสื่อประสาทในสมองให้สมดุลดีขึ้น
√ ช่วยเพิ่มสมาธิ เสริมสร้างความจำ และ การเรียนรู้ ดีขึ้น
√ ช่วยปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น รับฟังเหตุผลมากขึ้น
√ ทำให้ปรับพฤติกรรมลูกได้ง่ายขึ้น
√ ควบคุมการใช้เทคโนโลยีได้ง่ายขึ้น
√ ทำให้ลดความเสี่ยงต่อ สมาธิสั้น ได้ดีขึ้น
**เสริมอาหารสมองให้ลูกน้อย ทำให้มี IQ และ EQ ที่ดี ได้ด้วย "อเลอไทด์" ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ