เอ๊ะ ลูกน้อยมีปัญหา แอลดี จะช่วยลูกอย่างไรดี

รู้ได้อย่างไรว่าลูกน้อยเป็นโรค LD

สิ่งหนึ่งที่ผู้ปกครองควรทำความเข้าใจ คือ โรคนี้เป็นโรคเกี่ยวกับสารเคมีในสมอง เป็นความบกพร่องในการเรียนรู้ด้านต่างๆ ไม่สามารถหายขาดได้ แต่ความผิดปกติแต่ละด้านที่บกพร่องไป เราสามารถสอนลูกน้อยให้รู้จักหนทางการเรียนรู้แนวใหม่ได้ เหมือนกับการที่ลูกผูกเชือกร้องเท้าไม่ได้  ก็ไม่ควรบังคับให้เขาผูก เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไร  เขาก็ทำไม่ได้  ควรสอนให้เขารู้วิธีว่า จะทำอย่างไรให้เพื่อนรักและเข้าใจ แล้วยอมผูกเชือกรองเท้าให้เขา

1.ความผิดปกติทางด้านการอ่าน 

ผู้ปกครองอาจสังเกตได้ยาก หากไม่ให้ลูกๆ อ่านหนังสือให้ฟัง เพราะจะเป็นความผิดปกติทางด้านการอ่านทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอ่านหนังสือไม่ได้ สะกดคำผิด อ่านช้า เรียงลำดับอักษรผิด เป็นต้น

ความผิดปกติของโรค LD แบบนี้ ช่วยได้

การอ่านไม่ได้ไม่ใช่ปัญหา เพราะ ทางแก้เราก็แค่ใช้การฟังจากซีดี หรือ จากที่คนอ่านให้ฟัง

 

2.ความผิดปกติทางด้านการเขียน

สังเกตได้จากเด็กจะเขียนไม่ได้ แต่สามารตอบปากเล่าได้  เขียนช้ามาก  เขียนตัวหนังสือกลับไปกลับมา  หากต้องส่งการบ้านด้วยลายมือ ถึงทำทั้งวันก็ผิดทั้งหมด เขียนลอกตามเพื่อนก็ยังเขียนไม่ได้

 

ความผิดปกติของโรค LD แบบนี้ ช่วยได้

เขียนไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้การพิมพ์ หรือ การอัดเสียงพูดในการสื่อสาร

  

3.ความผิดกติทางด้านการคำนวณ

เด็กจะไม่สามารถคิดเลข หรือ คำนวณไม่ได้เลย  สับสนตัวเลข  ไม่เข้าใจในสัญลักษณะต่างๆ  จับหลักการ หรือ สูตรการทำคำนวณไม่ได้ หรือแม้แต่การมองเห็นเลขสลับกัน

ความผิดปกติของโรค LD แบบนี้ ช่วยได้

ฝึกลูกให้ใช้เครื่องคิดเลขในการคำนวณสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น การจับจ่ายเงินในการซื้อของ การเดินทาง

สิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืม คือ เขาไม่ได้โง่  ไม่ได้ขี้เกียจ  เพราะเด็กเหล่านี้มีคำตอบอยู่ในหัวทั้งหมด  รับรู้ทุกอย่าง แต่ไม่สามารถสื่อแสดงออกมาตามทักษะต่างๆ ได้เท่านั้น

 

การเรียนรู้ที่เหมาะสม สร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิต

แม้โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้  แต่มีวิธีในการสอนให้น้องๆ มีวิธีเรียนรู้และสื่อสารว่า  “รู้”  ใช้วิธีการที่เหมาะกับตัวเอง วางแผนการวัดผลโดยครูการศึกษาพิเศษ และ ครูที่โรงเรียนที่จะต้องทำอย่างไรก็ได้ เพื่อวัดผลให้ว่าเขารู้  เขาไม่ได้โง่  จะทำให้เด็กเรียนรู้ได้เต็มที่ อย่าทำอะไรก็ตามที่เป็น การดุ ด่า ตี  เพราะเด็กอาจมีภาวะแทรกซ้อนทางด้านทางอารมณ์ และจิตใจ  เด็กจะคิดว่าเขาทำไม่ได้  แกล้งเจ็บคอ  ไม่สบาย  ไม่ไปโรงเรียน เพราะไปก็กลัวโดนเพื่อนล้อ ทำให้อับอาย การเลือกโรงเรียนหรือครูที่มีความชำนาญด้านการศึกษาพิเศษ จะลดปัญหาที่เกิดขึ้นได้ และ สร้างความมั่นใจในการเรียนรู้ และ ใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น

 

การตรวจวินิจฉัยจะสามารถทำได้ด้วย การซักประวัติและการทำสอบโดยนักจิตวิทยา โดยใช้เครื่องมือในการทดสอบ สามารถทำได้เมื่ออายุ 6 ขวบขึ้นไป แต่คุณพ่อคุณแม่อาจเริ่มสังเกตได้ตั้งแต่อายุ 4-5 ขวบ

 

ถึงจะมีจุดอ่อนก็ยังมีจุดแกร่ง

จุดเด่นของผู้ที่เป็นโรคแอลดี คือ สามารถประมวลภาพใหญ่ได้เก่ง  ในขณะคนที่จบด็อกเตอร์อาจจะคิดไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำอย่างไรก็ได้ ที่จะไม่ขัดขวางกระบวนการเรียนรู้ของเขา แล้วจุดเด่นที่ดีจะตามมาได้เอง

 

ควรปฏิบัติต่อเด็ก LD อย่างไร

1. ควรรู้ว่าโลกนี้ก็มีโรคแบบนี้อยู่ และ หากสงสัย  ควรหาสาเหตุให้เจอว่าเป็นโรคนี้จริงหรือไม่อย่างไร เพื่อจะได้ไม่ต่อว่าเด็ก ทำโทษ หรือ ปิดกั้น การเรียนรู้ตั้งแต่ยังเล็กๆ

2. ต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ความผิดของใคร

3. ไม่ตามใจมากจนเกินไป เช่น ทำการบ้านให้

4. ควรประคับประคองให้เขาเรียนรู้ในวิธีของเขา

5. ช่วยเด็กหาจุดเด่นลบจุดด้อย เช่น จัดเวลาให้เด็กทำกิจกรรมต่างๆ ที่ชอบ

6. อย่าพยายามบังคับเขาให้เขาทำในสิ่งที่ทำไม่ได้

7. ไม่พยายามบังคับเขาให้เขาทำในสิ่งที่ทำไม่ได้

8. ชื่นชมในความพยายามของเขามากกว่าชื่นชมในผลลัพธ์

9. ไม่เปรียบเทียบเด็ก

10. หาแบบอย่างคนที่ประสบความสำเร็จ ที่เป็นโรคแอลดีเหมือนกัน โดยเฉพาะกับคนที่เขาชื่นชอบ

==============================================
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
child.haijai.com

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ และรูปภาพจากเว็บไซต์
mamaexpert.com

ด้วยความปรารถนาดีจาก ศูนย์สมองดี HealthyBrain
สนับสนุนโดย อเลอไทด์ อาหารเสริมบำรุงสมอง
√ เสริมสร้างสมาธิ เพิ่มความจำ การเรียนรู้ ให้ดีขึ้น
√ ช่วยลดความเครียด ทำให้อารมณ์ดี
√ กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
√ ช่วยให้ลำดับความคิด เป็นระบบระเบียบมากขึ้น 
√ ดูแลอาการสมาธิสั้นให้ดีขึ้น ทำให้ผลการเรียนดีขึ้น
 
**เสริมอาหารสมองให้ลูกน้อย ทำให้มี IQ และ EQ ที่ดี
ป้องกัน/ลดความเสี่ยงต่อ สมาธิสั้น ได้ด้วย "อเลอไทด์"

ปรึกษาปัญหาเด็กแอลดี
หรือ สั่งซื้อ อเลอไทด์

โทร : 095-883-6706
Add Line : @HealthyBrain


เพิ่มเพื่อน

Visitors: 412,450