ความจริงเกี่ยวกับ เด็กแอลดี

เด็กที่เป็นแอลดี ( LD Learming Disabilities ) ความบกพร่องในการเรียนรู้คือ เด็กที่มีปัญหาการเรียนเรียนอ่อนบางวิชา หรือหลาย ๆ วิชา ทั้ง ๆที่สติปัญญาปกติ ไอคิวดี ฉลาด ขยัน ตั้งใจเรียน ขี้เกียจ แต่พวกเขาพยายามแล้วถูกเพื่อนล้อ ว่าไม่ฉลาดหลายคนซึมเศร้า ขาดความเชื่อมั่นในตนเองไม่กล้าแสดงออก ครึ่งหนึ่งอาจจะมีปัญหาพฤติกรรม สมาธิสั้นอยู่ไม่นิ่งร่วมด้วย

เด็กที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้กลุ่มนี้อยู่ทั่วไปทุกโรงเรียน รวมทั้งผู้ใหญ่หลายคนในองค์กร หน้าตาท่าทางปกติ ตามสถิติทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศพบว่ามีประมาณร้อยละ 5 –10 อ่านต่ำกว่าเกณฑ์ เขียนและคำนวณต่ำกว่าเกณฑ์

เกิดอะไรขึ้นในสมองของเขา ?

นักวิจัยทั่วโลกพยายามศึกษาค้นคว้า พบว่า เด็กแอลดีเป็นเด็กที่มีวงจรการทำงานของสมองไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็นเซลล์สมองบางส่วนอยู่ผิดที่สำหรับเด็กที่มีปัญหาการอ่านสายตาปกติ แต่การแปลภาพไม่เหมือนคนปกติ


- เด็กแอลดีบางคนมีอาการเหมือนมีกระจกเงา เช่น ทำให้เห็นตัวหนังสือกลับหัวกลับหาง หรือบางครั้งตัวหนังสือลอยไปลอยมา ไม่คงที่ บางครั้งเห็นๆ หยุด ๆ อยู่ ๆ ตัวหนังสือก็หายไปเป็นบรรทัด เหมือนวงจรดับ ๆ ติด ๆ บางครั้งเห็นตัวหนังสือแต่ไม่รู้ความหมายเหมือนเห็นเส้นใยประสาทของภาพที่เห็นไม่เชื่อมต่อกับสมองส่วนภาษา


- บางคนมีปัญหาจากการฟังทั้ง ๆ ที่การได้ยินปกติ หูไม่ตึง แต่สมองไม่สามารถแยกแยะเสียงสูงต่ำ ที่สำคัญมักเขียนสะกดผิด เช่น ขาว ข่าว ข้าว ไม่สามารถแยกแยะคำเหล่านี้ออกจากกันได้ จึงไม่ทราบความหมายของคำ แม้ว่าจะเป็นคำในภาษาไทยง่าน ๆ ก็ตาม บางครั้งสมองไม่สั่งการไปที่ส่วนมือให้เขียนได้ถูกต้อง กะระยะช่องว่างไม่ถูกต้อง ฯลฯ


- บางคนมีปัญหาเรื่องทิศทางไม่เกี่ยวกับภาษา เช่น ไม่รู้ว่าซ้ายหรือขวา เพราะกะระยะไม่ถูก ทำให้เวลาเดินชนโน่นชนนี่ เจ็บตัวอยู่เป็นประจำ บางคนคำนวณไม่ได้ ไม่เข้าใจสัญลักษณ์ตัวเลขไม่เข้าใจหลักการคำนวณ

    จุดประกายที่สำคัญคนเหล่านี้ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ หากได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกต้อง เช่นอดีตรองประธานาธิบดี เนสสัน ร็อค เพลเลอร์ มีปัญหาการอ่าน คุณไดแอน สวอนก์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของแบงก์วัน บอกว่าทำงานที่ออฟฟิศนี้เป็นสิบปีไม่เคยจำได้ว่าจะต้องเลี้ยวซ้ายเวลาออกจากลิฟต์หรือคุณพอล ออร์ปาล ผู้ก่อตั้งบริษัทก๊อปปี้ชื่อคินโกะ มีสาขาทั่วประเทศสมัยเรียนหนังสือมีปัญหาการอ่านครูบอกแม่ว่าให้พาไปเรียนโรงเรียนฝึกงานฝีมือ เช่น เป็นช่างปูพรม แม่บอกว่าเธอรู้ว่าลูกทำได้มากกว่านั้นเมื่อติวกันในกลุ่มจะเป็นคนอัดสำเนาเอกสาร เขาบอกว่าเวลาได้ยินเพื่อนอ่านเหมือนกับได้ยินเสียงจากสวรรค์เขาเข้าใจทุกอย่าง แต่อ่านเองไม่ได้เลยออกมาตั้งบริษัทเปิดร้านมีเครื่องอักสำเนาเอกสารเป็นธุรกิจทั่วประเทศ

    ดังนั้นขอให้พ่อ แม่ ครู เข้าใจเด็กกลุ่มนี้ และขอความกรุณาสื่อมวลชนช่วยสร้างความเข้าใจในสังคม เพื่อช่วยเหลือเด็กน่าสงสารเหล่านี้ หากไม่ช่วยเขาก็จะหลุดออกจากระบบการศึกษา ทั้ง ๆ ที่พวกเขาศักยภาพสามารถประสบความสำเร็จทำประโยชน์ให้กับสังคมได้เหมือนคนปกติทั่วไป หากได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างถูกต้องจากพ่อแม่ ผู้ปกครองและโรงเรียน