LD (แอลดี) หนึ่งในโรคสมอง ที่อาจทำให้หลายคนดูโง่
มีความผิดปกติทางสมองของโรคแบบหนึ่งที่ทำให้ผู้เป็น เกิดปัญหาการเรียนรู้ อ่านติดๆ ขัดๆ เขียนตัวอักษรกลับข้าง แต่ไม่ได้มีระดับสติปัญญาต่ำผิดปกติ
"บางคนเรียนรู้เรื่อง ถ้าให้ฟังอย่างเดียว จำได้ ตอบคำถามได้ แต่ถ้าให้อ่านปั๊บ กลับจะอ่านไม่ออก หรือ อาจพูดเก่งมาก แต่พอให้เขียนกลับติดขัด เขียนออกมาเป็นประโยคไม่ได้เลย ซึ่งอาจเป็นปัญหาของใครหลายๆคนด้วย โดยเฉพาะกลุ่มน้องๆ และ คนที่ยังเรียนหนังสืออยู่"
นั่นคือ มีความผิดปกติของสมองที่ทำให้เกิดการรับรู้ผิดเพี้ยน ทำให้เกิดความยากลำบากในการเรียน จะเขียนก็สับสน จะอ่านก็เหมือน มองตัวอักษรไม่ออก มีหลายอาการ บางคนคิดเลขคำนวณไม่ได้เสียเลยก็มี
ภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้ LD นี้ เกิดได้จากหลายสาเหตุ หรือ บางครั้งก็วินิจฉัยหาสาเหตุไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ที่พบกันอาจมาจากสาเหตุได้ดังนี้
1. กรรมพันธุ์
2. คลอดก่อนกำหนด หรือ น้ำหนักแรกคลอดน้อย
3. เคยได้รับการบาดเจ็บ หรือ เจ็บป่วยบางอย่าง เช่น เกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บที่หัวอย่างรุนแรง ติดเชื้อในระบบประสาท อย่างเช่น เยื่อหุ้มสมอง
อักเสบ หรือ โดนพิษสารตะกั่ว เป็นต้น
ลักษณะของคนที่มีภาวะ LD แตกต่างกัน และ หลากหลาย อาจสังเกตได้จากพฤติกรรมบางอย่าง อาทิ
√ ดูฉลาด แต่ผลการเรียนต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
√ ตั้งใจฟังคำสั่งอย่างดี แต่ทำตามคำสั่งที่ได้รับไม่ถูกต้อง ดูเหมือนคนเข้าใจอะไรยาก
√ มีปัญหาการอ่าน สะกดคำไม่ได้
√ เขียนตัวอักษรผิดเพี้ยน มองตัวอักษรบางตัวไม่ออก อย่าง ค สับสน ด , เครื่องหมาย + สับสนกับ x
√ เก่งหลายวิชา แต่มีบางวิชาเรียนไม่รู้เรื่องเลย เขียนตัวอักษรไม่รู้เรื่อง เรียงประโยคผิดๆ
แต่ปัญหาที่พบกว่า 80 เปอร์เซ็น ของคนที่เป็น LD จะมีปัญหาด้านการอ่าน คนที่เป็น LD อาจมีปัญหาเพียงด้านใดด้านหนึ่ง หรือ หลายๆด้านผสมกันก็ได้ ซึ่งปัญหาทั้งหมดมักทำให้ คนที่เป็น LD ไม่เข้าใจตนเองว่า ทำไมเรียนไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ตั้งใจเต็มที่ มักมีผลการเรียนไม่ดี เพราะ วฺิธีการเรียนการสอน ล้วนใช้การอ่าน ฟัง พูด หากมีปัญหาด้านใดด้านหนึ่งก็ทำให้เรียนไม่รู้เรื่องได้เลย แต่ปัญหาดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับระดับสติปัญญา หากคนที่เป็น LD ได้ทดสอบ IQ ก็จะพบว่า ระดับสติปัญญาปกติ หรือ สูงไปเลยก็ได้
การรักษาภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้นี้ ต้องใช้การรักษา และ ดูแลหลายรูปแบบ ทั้งกินยา การพัฒนาทักษะที่บกพร่องอย่างต่อเนื่อง และ ที่สำคัญคือ การเข้าใจของพ่อแม่ ครู และ ตัวน้องที่เป็นเอง แม้เจ้า LD นี้ ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักแพร่หลาย แต่ก็เป็นปัญหาที่มีมานานแล้ว และ ก็มีงานวิจัยพบว่า มีผู้มีอาการ ภาวะ LD นี้มากถึง ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ ของเด็กวัยเรียนทั้งหมด แปลว่า เด็กประมาณ 50 คน อาจพบเด็กที่เป็น LD ได้ถึง 2-3 คน
แต่ที่สำคัญมากๆ ที่น่าป็นห่วงสุดๆ คือ เด็กหลายคนหมดความภาคภูมิใจในตัวเอง และ คิดว่าตัวเองโง่ เพราะ ตั้งใจเรียนแล้ว ก็ไม่เก่งเสียที พ่อแม่ก็คอยตำหนิหาว่าไม่ตั้งใจเรียน เรียนยังไงให้แพ้ลูกข้างบ้าน!?! ครูถามก็ตอบไม่ได้ เพื่อนๆหัวเราะเป็นเรื่องตลก แต่จริงๆ แล้วอาจเรียนไม่เก่ง เพราะ ภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้ หรือ LD นี้ก็ได้ เรื่องสมองซับซ้อน และ เข้าใจยาก แต่ไม่มีใครช้าเกินเข้าใจ และ พัฒนาสมองของตนเอง !!!!
=============================
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก :
Dek-d.com
ด้วยความปรารถนาดีจาก ศูนย์สมองดี HealthyBrain
สนับสนุนโดย อเลอไทด์ อาหารเสริมบำรุงสมอง
√ ช่วยเพิ่มสมาธิ เสริมสร้างความจำ และ การเรียนรู้ ให้ดีขึ้น
√ ช่วยลดความเครียด ทำให้อารมณ์ดี
√ ช่วยให้ อ่านเขียน คำนวณ ดีขึ้น
√ ทำให้ผลการเรียนดีขึ้นได้