สร้างลูกน้อยให้ฉลาด ได้อย่างไร...?
สร้างลูกน้อยให้ฉลาดได้อย่างไร...?
ถ้าจะถามคุณพ่อคุณแม่ทุกคนว่า มีคุณสมบัติอะไรบ้างที่ปรารถนาอยากให้ลูกมี คุณพ่อคุณแม่ทุกคนคงจะให้คำตอบที่ตรงกันว่า นอกจากอยากให้ลูกเป็นเด็กที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เป็นเด็กดี เลี้ยงง่าย ไม่ดื้อไม่ซน แล้ว คุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ การที่อยากให้ลูกของตนเป็นคนเฉลียวฉลาด
ซึ่งแท้จริงแล้ว บุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการช่วยเสริมสร้างและพัฒนาให้ลูกเป็นคนมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดนั้น ก็คือ ตัวของคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง สำหรับปัจจัยและวิธีการสร้างลูกน้อยให้ฉลาดอย่างง่ายๆ ซึ่งคุณพ่อและคุณแม่สามารถลองนำไปใช้ในการเลี้ยงดูลูกๆได้ดังนี้
1. สิ่งแวดล้อม เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก เพราะเด็กจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้จากสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเขาผ่านทางการมอง การได้ยิน การได้กลิ่น และ การได้สัมผัส
สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อพัฒนาการทางสมองของเด็กนั้น ต้องเป็นสภาพแวดล้อมที่สงบ ไม่มีเสียงดังอึกทึก อีกทั้งสะอาดปราศจากกลิ่นสกปรก และ สารพิษชนิดต่างๆ
ยกตัวอย่างเช่น เด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุณพ่อคุณแม่สูบบุหรี่ จะส่งผลให้เด็กมี่พัฒนาการทางสมองล่าช้ากว่าเด็กทั่วไป ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ควรสูบบุหรี่ภายในบ้าน นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ควรให้เด็กได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะ การออกกำลังกายนั้น เกี่ยวข้องกับพัฒนาการทางสมองของลูกโดยตรง เพราะเมื่อเด็กได้ออกกำลังกาย ร่างกายจะได้เคลื่อนไหว ทำให้ปอดและระบบไหลเวียนของเลือดแข็งแรง ซึ่งช่วยกระตุ้นให้สมองทำงานได้ดี ส่งผลให้เด็กฉลาด สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ว่องไว
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรจัดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อการเคลื่อนไหว การเดิน และ การวิ่งของลูก และที่สำคัญคือ คุณพ่อคุณแม่ควรให้เด็กได้ออกกำลังกายทุกวัน
2. การเลี้ยงดู การเลี้ยงดูของคุณพ่อคุณแม่ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก ซึ่งการเลี้ยงดูที่เสริมสร้างให้ลูกฉลาดนั้น มีดังนี้
- เล่นกับลูก เด็กๆเรียนรู้ได้ดีผ่านทางการเล่น คุณพ่อคุณแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้มีโอกาสเล่นคนดียว เพื่อให้เขาได้ค้นคว้า และ ค้นพบสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ควรเล่นกับลูกด้วย เพราะแท้จริงแล้วของเล่นที่ดีที่สุดสำหรับลูก ก็คือ ตัวของคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง
- ให้ลูกได้สัมผัส ศิลปะและดนตรี กิจกรรมศิลปะและดนตรีนั้น นอกจากจะเป็นกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาอารมณ์สุนทรียให้กับเด็กแล้ว ยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมให้เด็กมีความฉลาดด้วย เพราะขณะที่เด็กทำงานศิลปะนั้น เป็นการฝึกกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ เมื่อลงมือทำงานศิลปะตั้งแต่ต้นจนจบ นอกจากนี้กิจกรรมดนตรี ยังฝึกให้เด็กได้คิดวิเคราะห์ ผ่านทางการเรียนรู้เรื่องของจังหวะ และ ผ่านทางการอ่านสัญญลักษณ์ และ การอ่านโน้ตดนตรี
- อ่านหนังสือให้ลูกฟัง เป็นกิจกรรมสำคัญอีกอย่างที่ช่วยเสริมสร้างให้ลูกฉลาด โดยคุณพ่อคุณแม่ควรอ่านหนังสือให้ลูกฟังทุกวัน เพราะการอ่านหนังสือช่วยเปิดโลกกว้าง ทำให้ลูกได้เรียนรู้เรื่องของภาษา พัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การลำดับเรื่องราว ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนากระบวนการคิด ที่ช่วยทำให้เด็กเป็นคนฉลาดได้ดีอีกวิธีหนึ่ง
อาหารแบบไหน ช่วยบำรุงสมองเด็ก
อาหารเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก การที่เด็กได้รับสารอาหารที่จำเป็น จะช่วยให้สมองของเด็กเจริญเติบโตเป็นอย่างดี ส่งผลให้สมองของเด็กสามารถรับรู้ และ เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้รวดเร็ว และ มีประสิทธิภาพ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้เด็กรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
หมู่ที่ 1 โปรตีน : เนื้อสัตว์ นม ไข่ ซึ่งช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และช่วยทำให้ร่างกายเจริญเติบโต
หมู่ที่ 2 คาร์โบไฮเดรต : ข้าว มัน เผือก แป้ง น้ำตาล ซึ่งให้พลังงานแก่ร่างกาย
หมู่ที่ 3 วิตามิน : พืชผักต่างๆที่ให้วิตามิน ซึ่งเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของร่างกาย
หมู่ที่ 4 แร่ธาตุ : ผลไม้ชนิดต่างๆ ซึ่งเสริมสร้างการทำงานของร่างกาย
หมู่ที่ 5 ไขมัน : ไขมันจากพืชและสัตว์ ซึ่งให้พลังงานแก่ร่างกาย
อีกทั้งยังควรให้ เด็กดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน เพื่อเพิ่มออกซิเจนในเลือด ซึ่งส่งผลให้สมองของเด็กทำงานได้อย่างรวดเร็วฉับไว กรณีที่คุณพ่อคุณแม่กังวลเรื่องลูกน้อย จะได้รับสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาสมองของลูกน้องไม่เพียงพอนั้น สามารถเลือกเสริมสารอาหาร เพื่อการเติมเต็มสารอาหารที่จำเป็นต่อพัฒนาการสมองของเด็ก ได้แก่ ดี เอช เอ หรือ Docosahexaenoic Acid (DHA) เป็นกรดไขมันจำเป็น ชนิดไม่อิ่มตัวในกลุ่ม Omega-3
DHA เป็นส่วนประกอบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเซลล์สมองและประสาทตา ข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า 40% ของกรดไขมันในสมอง และ 60% ของกรดไขมันในประสาทตา คือ DHA ประโยชน์ของ DHA ในการพัฒนาสมองและสายตาของเด็ก
- ช่วยพัฒนาสมองและสายตา
- ช่วยในการเรียนรู้ เสริมความจำ
- ช่วยป้องกันการเกิดโรคสมาธิสั้น เสริมให้มีสมาธิดีขึ้น
- ช่วยป้องกันปัญหาการเรียนรู้ช้า ทั้งการอ่าน และ การเขียน
เลซิติน (Lecithin) และ โคลีน (Choline) สารโคลีน ในเลซิติน จำเป็นต่อร่างกาย เพราะร่างกายจะนำโคลีนไปใช้ เป็นวัตถุดิบในกระบวนสร้างสารสื่อประสาทที่เรียกว่า อะเซทิลโคลีน(acetylcholine) ใช้ในการสื่อสารข้อมูลต่างๆ ระหว่างเซลล์ประสาทและเนื้อเยื่อประสาท และ เลซิติน ยังเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ในเนื้อเยื่อต่างๆ โดยเฉพาะเนื้อเยื่อของอวัยวะสำคัญๆ เช่น สมอง ตับ หัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมอง ซึ่งมีเลซิตินเป็นส่วนประกอบถึง 30% ประโยชน์ของเลซิติน ในการพัฒนาสมองของเด็ก
- ช่วยเสริมพัฒนาการสมอง การพูด การเคลื่อนไหว
- ช่วยในการเรียนรู้ เสริมความจำ
- ช่วยในการเรียนรู้ เสริมสร้างความจำที่ดี ควบคุมและส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท
- ช่วยบรรเทาความเครียดที่เกิดขึ้นจากการเรียนหนังสือ
จะเห็นได้ว่าความฉลาดของลูกนั้น สามารถสร้างได้ด้วยวิธีง่ายๆ ผ่านความเอาใจใส่ของคุณพ่อคุณแม่ ในการให้ลูกรับประทานอาหาร ที่มีสารอาหารครบทั้ง5หมู่ การให้ลูกได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี และ ให้ลูกได้ออกกำลังกาย
การเลี้ยงดูที่ใกล้ชิดผ่านกิจกรรมสุขสันต์ของครอบครัว ได้แก่ การที่คุณพ่อคุณแม่เล่นกับลูก ให้ลูกได้ทำกิจกรรมศิลปะและดนตรี อีกทั้งอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ได้ทำกับลูกทุกวัน จะทำให้ลูกน้อยฉลาดแล้ว ยังทำให้ครอบครัวอบอวลไปด้วยความรักและความสุขอีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเว็บไซต์
เว็บไซต์ Megawecare.co.th
==========================================
♥ เปิดเทอมใหม่นี้ เตรียมความพร้อมต่อ
การเรียนรู้ให้ลูกน้อยด้วย "อเลอไทด์"
√ ช่วยให้ปรับพฤติกรรมลูกได้ง่ายขึ้น